โรคไขมันพอกตับ (fatty liver disease)
โดย:
Arokaya
[IP: 118.175.246.xxx]
เมื่อ: 2016-01-27 11:06:03
โรคไขมันพอกตับ เป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากการสะสมไขมันในตับ และเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดที่ทำให้ผลการตรวจการทำงานของตับผิดปกติ
สาเหตุของโรคไขมันพอกตับ
สาเหตุของโรคไขมันพอกตับสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
จากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และ ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ โดยมีผลจากโรคโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไวรัสตับอักเสบซี
ปัจจัยเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับ
โรคอ้วน น้ำหนักตัวมากเกิน (ดัชนีมวลกายหรือ BMI 25-30)
เบาหวาน ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาก
รับประทานอาหารที่มีรสหวานมากเกินไป เช่น ดื่มชาเขียวที่มีรสหวานแทนน้ำ
ระยะการดำเนินโรคไขมันพอกตับ
โรคไขมันพอกตับแบ่งระยะการดำเนินโรคได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะแรก เป็นระยะที่มีไขมันสะสมอยู่ในเนื้อตับ แต่ยังไม่มีการอักเสบหรือพังผืดเกิดขึ้นในตับ
ระยะที่สอง เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบของตับ ในระยะนี้หากไม่ควบคุมดูแลให้ดีและปล่อยให้การอักเสบดำเนินไปเรื่อยๆ เกินกว่า 6 เดือนอาจกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง
ระยะที่สาม การอักเสบรุนแรง ก่อให้เกิดพังผืดในตับ เซลล์ตับค่อยๆ ถูกทำลายลง
ระยะที่สี่ เซลล์ตับถูกทำลายไปมาก ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป ทำให้ตับแข็งและอาจกลายเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด
อาการ
โดยทั่วไปโรคไขมันพอกตับไม่ทำให้เกิดอาการทางร่างกาย หรือหากมีอาการก็อาจเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงมากพอที่จะบ่งบอกโรคได้ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้เล็กน้อย รู้สึกตึงบริเวณใต้ชายโครงขวา โดยส่วนใหญ่การตรวจพบโรคไขมันพอกตับจึงมักพบเมื่อผู้ป่วยเข้ารับการเจาะเลือดตรวจสุขภาพประจำปีหรือตรวจทางการแพทย์ด้วยเหตุผลอื่นๆ
การวินิจฉัยโรคไขมันพอกตับ
โดยทั่วไปแล้วการตรวจเลือดเพื่อดูค่าของตับ ได้แก่ ค่า ALT AST ALP เป็นตัน
การตรวจอัลตราซาวนด์
การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
การเจาะชิ้นเนื้อตับมาตรวจ
โดยการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่มียารักาาโรคไขมันพอกตับได้ดดยตรง และยังมีกลุ่มยาที่มีรายงานว่าสามารถทำให้เกิดไขมันพอกตับ คือ
พาราเซทามอลในขนาดสูง, แอสไพริน, คอร์ติโคสเตียรอยด์,
ยาต้านซึมเศร้าและยารักษาโรคจิตบางชนิด, valproate, 5-FU, irinotecan, cisplatin, L-asparaginase, griseofulvin corticosteroids, amiodarone, methotrexate, tetracycline ขนาดสูง ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ,warfarin, tamoxifen, , ยาต้านเอดส์กลุ่ม NRTIs (เช่น stavudine, zidovudine, didanosine),
Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (ibuprofen, naproxen), Cocaine, diltiazem,
warfarin , วิตามิน เอ ขนาดสูง, Perhexiline maleate เป็นตัน
แต่ในทางการแพทย์ทางเลือกหรือการแพทย์สมุนไพร ไม่ว่าการแพทย์แผนไทย แผนจีน อายุรเวช นั้นมีสมุนไพรที่ได้รับการวิจัยจากงานวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าสมุนไพรที่สามารถรักษา บรรเืทาโรคไขมันพอกได้ได้แก่ ลูกใต้ใบ พิกัดยาตรีผลา อันได้แก้ ลูกสมอไทย ลูกสมอพิเภท และลฃูกมะขามป้อม
ด้วยความปรารถนาดี จากแก้มหอมคลินิกการแพทย์แผนไทย ปรึกาาปัญหาสุขภาพด้วยสมุนไพร โทร 095-4476670/095-4476671 ทุกวันจันทร์ ถึง วันเวาร์ เวลา 8.30น.-17.00 น
สาเหตุของโรคไขมันพอกตับ
สาเหตุของโรคไขมันพอกตับสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
จากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และ ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ โดยมีผลจากโรคโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไวรัสตับอักเสบซี
ปัจจัยเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับ
โรคอ้วน น้ำหนักตัวมากเกิน (ดัชนีมวลกายหรือ BMI 25-30)
เบาหวาน ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาก
รับประทานอาหารที่มีรสหวานมากเกินไป เช่น ดื่มชาเขียวที่มีรสหวานแทนน้ำ
ระยะการดำเนินโรคไขมันพอกตับ
โรคไขมันพอกตับแบ่งระยะการดำเนินโรคได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะแรก เป็นระยะที่มีไขมันสะสมอยู่ในเนื้อตับ แต่ยังไม่มีการอักเสบหรือพังผืดเกิดขึ้นในตับ
ระยะที่สอง เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบของตับ ในระยะนี้หากไม่ควบคุมดูแลให้ดีและปล่อยให้การอักเสบดำเนินไปเรื่อยๆ เกินกว่า 6 เดือนอาจกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง
ระยะที่สาม การอักเสบรุนแรง ก่อให้เกิดพังผืดในตับ เซลล์ตับค่อยๆ ถูกทำลายลง
ระยะที่สี่ เซลล์ตับถูกทำลายไปมาก ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป ทำให้ตับแข็งและอาจกลายเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด
อาการ
โดยทั่วไปโรคไขมันพอกตับไม่ทำให้เกิดอาการทางร่างกาย หรือหากมีอาการก็อาจเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงมากพอที่จะบ่งบอกโรคได้ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้เล็กน้อย รู้สึกตึงบริเวณใต้ชายโครงขวา โดยส่วนใหญ่การตรวจพบโรคไขมันพอกตับจึงมักพบเมื่อผู้ป่วยเข้ารับการเจาะเลือดตรวจสุขภาพประจำปีหรือตรวจทางการแพทย์ด้วยเหตุผลอื่นๆ
การวินิจฉัยโรคไขมันพอกตับ
โดยทั่วไปแล้วการตรวจเลือดเพื่อดูค่าของตับ ได้แก่ ค่า ALT AST ALP เป็นตัน
การตรวจอัลตราซาวนด์
การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
การเจาะชิ้นเนื้อตับมาตรวจ
โดยการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่มียารักาาโรคไขมันพอกตับได้ดดยตรง และยังมีกลุ่มยาที่มีรายงานว่าสามารถทำให้เกิดไขมันพอกตับ คือ
พาราเซทามอลในขนาดสูง, แอสไพริน, คอร์ติโคสเตียรอยด์,
ยาต้านซึมเศร้าและยารักษาโรคจิตบางชนิด, valproate, 5-FU, irinotecan, cisplatin, L-asparaginase, griseofulvin corticosteroids, amiodarone, methotrexate, tetracycline ขนาดสูง ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ,warfarin, tamoxifen, , ยาต้านเอดส์กลุ่ม NRTIs (เช่น stavudine, zidovudine, didanosine),
Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (ibuprofen, naproxen), Cocaine, diltiazem,
warfarin , วิตามิน เอ ขนาดสูง, Perhexiline maleate เป็นตัน
แต่ในทางการแพทย์ทางเลือกหรือการแพทย์สมุนไพร ไม่ว่าการแพทย์แผนไทย แผนจีน อายุรเวช นั้นมีสมุนไพรที่ได้รับการวิจัยจากงานวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าสมุนไพรที่สามารถรักษา บรรเืทาโรคไขมันพอกได้ได้แก่ ลูกใต้ใบ พิกัดยาตรีผลา อันได้แก้ ลูกสมอไทย ลูกสมอพิเภท และลฃูกมะขามป้อม
ด้วยความปรารถนาดี จากแก้มหอมคลินิกการแพทย์แผนไทย ปรึกาาปัญหาสุขภาพด้วยสมุนไพร โทร 095-4476670/095-4476671 ทุกวันจันทร์ ถึง วันเวาร์ เวลา 8.30น.-17.00 น
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments